ยังมีชายคนหนึ่ง ชายผู้ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป ไม่มีลูก ไม่มีเมีย และไม่มีงานทำ เขาใช้เวลาในแต่ละวันครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ ที่ตัวเองรู้อีกครั้ง
ระหว่างนั่ง เขารู้สึกหงุดหงิดกับชื่อของตัวเอง ด้วยไม่รู้ว่าเหตุใดเขาจึงต้องมีชื่อแบบนั้น แล้วชื่อนั้นมีที่มาอย่างไร เขาจึงไปหาหนังสือเก่าๆ มาเปิดดู เขาต้องนั่งไล่ค้นอยู่นานทีเดียวกว่าจะเจอชื่อตัวเองในหนังสือเหล่านั้น
จากนั้นเขาเริ่มคิดเรื่องอื่นๆ ที่เขารู้ต่อไป แน่ล่ะ เขาเองก็รู้เรื่องต่างๆ เหมือนที่พวกเรารู้
เขารู้ว่า ทุกคนต้องแปรงฟัน
เขารู้ว่า วัวกระทิงจะวิ่งไล่ขวิดผ้าสีแดง และในประเทศสเปนมีกีฬาสู้วัวกระทิง
เขารู้ว่า ดวงจันทร์หมุนรอบโลก และดวงจันทร์ไม่มีหน้าตา สิ่งที่เราเห็นว่าเป็นตาหรือจมูกนั้น แท้จริงเป็นเพียงภูเขากับปล่องภูเขาไฟ
เขารู้ว่า เครื่องดนตรีแบ่งออกเป็นเครื่องดีด สี ตี และเป่า
เขารู้ว่า คนเราต้องติดแสตมป์เวลาส่งจดหมาย ต้องขับรถชิดซ้าย ต้องเดินบนทางเท้า และต้องไม่รังแกสัตว์
เขารู้ว่า เวลาคนเราเจอกัน จะทักทายด้วยการจับมือ และเวลาทักทายกันก็ต้องถอดหมวกด้วย
เขารู้ว่า หมวกของเขาทำจากผ้าสักหลาด และผ้าสักหลาดทำมาจากขนอูฐ อูฐแบ่งเป็นสองพันธุ์ คือพันธุ์ที่มีหนอกเดียวบนหลังกับพันธุ์ที่มีสองหนอก พันธุ์ที่มีหนอกเดียวเรียกว่าโดรเมดา อูฐอาศัยอยู่ในทะเลทรายสะฮารา และในทะเลทรายสะฮารามีทราย
เรื่องเหล่านี้แหละที่ชายคนนั้นรู้
เรื่องเหล่านี้ บางเรื่องเขารู้มาจากการอ่านหนังสือ บางเรื่องมีคนเล่าให้ฟัง บางเรื่องเขาเคยเห็นในหนัง เขารู้ว่าในทะเลทรายสะฮารามีทราย แม้ตัวเองจะไม่เคยไปที่นั่น แต่เขาเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านั้น นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่า โคลัมบัสเป็นผู้ค้นพบอเมริกา เพราะโคลัมบัสเชื่อว่าโลกกลม
เขาเองก็รู้ว่าโลกกลม
นับตั้งแต่มนุษย์รู้เรื่องนี้ โลกก็เหมือนกับลูกกลมๆ ใบหนึ่ง ถ้าคนเราเดินตรงไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งเขาจะวกกลับมายังจุดที่เขาเริ่มเดิน
เพียงแต่เรามองไม่เห็นว่าโลกกลม ด้วยเหตุนี้ในตอนแรกหลายคนเลยไม่ค่อยอยากเชื่อว่าโลกกลม เพราะหากเรามองดูโลกเฉยๆ เราจะเห็นว่าโลกมันแบน หรือไม่ก็สูงๆ ต่ำๆ และบนผิวโลกมีต้นไม้ปกคลุม มีบ้านเรือนตั้งเรียงรายอยู่ทั่วไป เราจึงมองไม่เห็นว่าโลกจะมีจุดไหนโค้งตัวได้เลย จุดที่โลกมีแนวโน้มว่าโค้งตัวได้ก็เห็นจะมีแต่ทะเลเท่านั้น แต่ทะเลก็ดูเหมือนจะไปสิ้นสุดดื้อๆ ที่เส้นขอบฟ้า เราเลยมองไม่เห็นว่าทะเลกับโลกโค้งตัวตรงไหน
ดูเหมือนว่าดวงอาทิตย์โผล่จากท้องทะเลในตอนเช้า และพอตกเย็นก็จมหายลงทะเล
ทว่าเรารู้ว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะดวงอาทิตย์ก็ยังอยู่เฉยๆ ตรงที่ที่มันอยู่ โลกต่างหากเล่าที่หมุนรอบตัวเอง โลกกลมๆ ใบนี้หมุนรอบตัวเองวันละหนึ่งครั้ง
เราทุกคนรู้ว่ามันเป็นอย่างนั้น และชายคนนั้นก็รู้เหมือนกัน
เขารู้ว่าถ้าคนเราเดินตรงไปเรื่อยๆ หลายๆ วัน หลายๆ สัปดาห์ หลายๆ เดือน หลายๆ ปี เขาจะเดินกลับมายังจุดเดิม สมมติว่าเขาลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินไปตอนนี้ สักวันหนึ่งเขาจะเดินกลับมาที่โต๊ะตัวนี้อีกด้านหนึ่ง
มันต้องเป็นแบบนั้นแหละ ใครๆ ก็รู้
Peter Bichsel เขียน
ชลิต ดุรงค์พันธุ์ แปล