| จำนวน{{focus_pdata.unit}} | ส่วนลดต่อ{{focus_pdata.unit}} | ราคาสุทธิต่อ{{focus_pdata.unit}} |
| {{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
| คงเหลือ | 5 เล่ม |
| จำนวน (เล่ม) |
- +
|
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 เล่ม
ช่องทางสั่งซื้ออื่น ๆ
|
|
|
|
|
| คุยกับร้านค้า | |
| {{ size_chart_name }} |
|
| หมวดหมู่ | หนังสือชวนอ่านภาพ |
| สภาพ | สินค้าใหม่ |
| เพิ่มเติม | |
| สภาพ | สินค้ามือสอง |
| เกรด | |
| สถานะสินค้า | |
| ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
| เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
| ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
| รายละเอียดสินค้า |
เป็นพันๆ ภาพโดยแท้จริง ที่ถูกคัดทิ้ง
และเป็นร้อยๆ ที่ถูกรวบรวมไว้ในหนังสือ portrait worapoj
กระดาษปอนด์ หนา 300 หน้า (32 หน้าสี) ราคา 450 บาท หนัก 750 กรัม พิมพ์ออกมาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2020 ซึ่งเป็นวันเปิดนิทรรศการชุดนี้ ที่ห้องสมุดบ้านๆ น่านๆ จ.น่าน
ในเล่ม มีข้อเขียนเล่าเรื่องการทำงานของสุมาลี และถ้อยทัศนะของวรพจน์ คัดสรรจากหนังสือเก่าใหม่ในรอบยี่สิบกว่าปีที่ทำงานสื่อสารมวลชน บวกความเรียงอีกชิ้นหนึ่งซึ่งว่าด้วยการเป็น 'หุ่น'
บางบรรทัดในหน้าคำนำ เขียนว่า...
ในยุคที่คอมพิวเตอร์มีบทบาทเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ งานทำมือก็ลดลง กระแสโลกในทุกตลาดเป็นไปเช่นนี้ เราไม่ได้อยู่ฝ่ายต่อต้าน หรือปฏิเสธกงล้อแห่งความเคลื่อนย้ายเปลี่ยนแปลง เพียงแต่เราก็ยังนับถือชื่นชม ชื่นใจกับชิ้นงานจากสองมือมนุษย์
รสมือคือรสนิยมของเรา
โดยเฉพาะมือที่เคี่ยวกรำ อุทิศทำความรักอย่างต่อเนื่อง เอาจริงเอาจัง
มือที่เลือกแล้ว เล่นแล้ว ว่ากันแบบถวายหัว
มือที่ไม่ออมมือ และสองเท้าที่รู้ทิศ ปักธง มั่นคงอยู่บนถนนคนทำงานสร้างสรรค์
และอีกบางบรรทัด..
เราท่านล้วนมีทัศนะแตกต่างกัน มองเห็นความงามคนละแบบ ระหว่างมนุษย์ เราเรียนรู้ทั้งจากความเหมือนและความแตกต่าง ระหว่างการทำงาน เราเทชีวิตออกมาวาง เปลือยและเปิดให้ความแตกต่างสัมผัสไหลเวียนปะทะ และวิพากษ์วิจารณ์กัน เราเชื่อว่านั่นคือขั้นตอน หรือกระบวการแห่งการคิดใคร่ครวญ ที่สุดคือเป็นถนนที่ตัดตรงไปสู่การงอกงามเติบโต
เรื่องมันเริ่มจากคนเขียนรูป สุมาลี เอกชนนิยม หันมาสนใจเขียน portrait ก่อนนั้นเธอไม่ชอบ ไม่สนใจ เพราะเบื่อหน่ายกับขนบจารีตบางอย่าง ต่อเมื่อวันหนึ่งย้อนมองด้วยทัศนะใหม่ กับความคิดเห็นว่า ถ้าจะเขียนในแบบของตัวเองล่ะ
แบบ หรือหุ่นแรกๆ ของสุมาลีเป็นนักร้องเพลงลูกทุ่ง นักเขียน ซึ่งเป็นภาพที่ค้นหามาจากนิตยสารและอินเทอร์เน็ต ส่วนใหญ่ของแบบหรือหุ่นที่ว่า เธอเพียงรู้จักชื่นชมผลงาน แต่ไม่เคยพบเจอตัวจริงๆ มากกว่านั้น ภาพที่ค้นหาได้ก็มักมีให้เลือกน้อย แบน ทึบ ไม่มีมิติเพียงพอซึ่งยากต่อการเขียนรูป จึงเกิดไอเดียใหม่ ว่า งั้นถ่ายเองดีกว่า ถ่ายคนในชีวิตประจำวัน หรืออย่างน้อยก็พอมีโอกาสเจอะเจอ เธอบอกว่ามันดีกว่ามากๆ การพูดคุย รู้นิสัย อารมณ์ บุคลิก เป็นบันไดที่ดีต่อการเขียนรูป
วันดีคืนดี วรพจน์จึงกลายเป็นหุ่น
จากกระจัดกระจาย เขียนใครหลายๆ คน สุมาลีตั้งเป้าหมายใหม่ว่า ลองเขียนคนเดียวเน้นๆ ไปเลย เอาให้ทะลุ เอาให้กระจ่าง สว่างไสว
portrait worapoj ในมือสุมาลีเพิ่มจำนวนขึ้นจากหลักสิบ หลักร้อย หลักพัน เธอเขียนต่อเนื่องราวสองปี เดินทางด้วยกันหลายครั้ง เสวนาวิสาสะหลากหลายกาล สถาน
ถึงวันหนึ่ง จึงเกิดไอเดียว่า น่าจะจัด art exhibition เพื่อแสดงต้นฉบับลายเส้นจริง และในโอกาสเดียวกันก็จัดพิมพ์หนังสือรวบรวมผลงาน drawing ภาพเขียนเหล่าน้ีไว้ในคราวเดียว อย่างน้อยก็เป็นบันทึกการทำงานของตัวเอง บันทึกสู่สาธารณะ เพื่อว่าคนรักศิลปะ วรรณกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนนักศึกษาที่สนใจอยากเขียนรูป เขาและเธอจะได้มี case study ไว้ศึกษาถูก ผิด อ่อน แข็ง
ผม (วรพจน์) เห็นพ้องอย่างไม่ต้องสงสัย บ้านเรามีงานเช่นนี้น้อย สำนักวิชาศิลปะก็ยังจำกัดทั้งโอกาสและแนวคิด ชั่วๆ ดีๆ การพิมพ์หนังสือออกมาก็จะเป็นทางเลือกใหม่ๆ ชอบ ไม่ชอบ ตรงไม่ตรงกับจริตของใครหรือไม่ นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือสังคมคับแคบทางเลือกของเราจะมีทางเลือกเพิ่มขึ้น
---
สุมาลีเป็นคนเขียนรูป เกิดที่ร้อยเอ็ด โตที่ อุบลฯ เริ่มฝึกฝนเขียนวาดมาตั้งแต่เด็ก ใฝ่ฝันที่จะเป็นอาร์ติสต์มาตั้งแต่เด็ก เคยวิ่งซื้อโอเลี้ยงและเป็นผู้ช่วยคนเขียนโปสเตอร์หนัง โปสเตอร์ใหญ่ๆ ไซส์ 4-6 เมตร ที่ติดหน้าโรงหนังเมื่อ 50 ปีก่อน เข้ามาเรียนช่างศิลป์ ต่อครุ ศิลปะ จุฬาฯ แล้วไปเรียนมหาวิทยาลัย sorbonne ปารีส กลับมาทำงานพวกออกแบบผลิตภัณฑ์อยู่พักหนึ่ง ก่อนวางมือ เอาจริงเอาจังกับการทำงานศิลปะ
ปี 1996 สุมาลีโชว์งานชุดแรก ในชื่อ 'มาจากใจ' ที่ริเวอร์ซิตี้
ผมเป็นนักข่าวอยู่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้เห็นผลงาน และมีโอกาสสัมภาษณ์ ถัดจากนั้นก็ติดตามผลงานของศิลปินคนนี้เรื่อยมา
เธอแสดง 'เดี่ยว' มาราวสิบครั้ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (อาทิ ชิลี, อาร์เจนตินา, เกาหลีใต้, จีน, มองโกเลีย, เวียดนาม, มาเลเชีย) เป็นคนเขียนภาพปกหนังสือ กวีราษฎร ของ ไม้หนึ่ง ก.กุนที, portrait ธนาธร, ตะวันออกเฉียงเหนือ ของ ธีร์ อันมัย เขียนภาพปกและภาพประกอบหนังสือ เศษทรายในกระเป๋า, ไปตามเส้นทางของเรา ของ วรพจน์ พันธุ์พงศ์
เคยมีหนังสือชื่อ 'ฮูบแต้มในสิมอิสาน' (สนพ.มติชน) ซึ่งต้นฉบับนำมาจาก thesis ตอนเรียนปริญญาโท ที่ มศว.
สุมาลีบอกว่า "เขียนรูปมีได้มีเสีย บางรูปเลียบๆ เคียงๆ คล้ายๆ จะเหมือน รูปแล้วรูปเล่าถูกเมิน นับจำนวนแล้วมากมายกว่ารูปที่ดีเสียอีก รูปที่ถูกทิ้งนับร้อยเป็นตัววัดใจ มันบั่นทอนเราได้แค่ไหน สิ่งที่ขับเคี่ยวอยู่นี้มีค่าเพียงพอที่จะยืนยันหมั่นฝึกฝนอยู่ไหม รูปที่ถูกเมินนับพันส่งเสียงถามใจ ยังยืนยันฝันใฝ่อยู่ไหมที่จะเขียน portrait ด้วย 3-4 เส้น แล้วได้ภาพตามที่ต้องการ หรือจะหักพู่กันทิ้งเสีย แล้วเดินจากกันไป"
สุมาลีเขียนว่า 'งานศิลปะทุกประเภทไม่ใช่เครื่องมือควบคุมอบรมสั่งสอนศีลธรรมข้อใด เราคิดว่าผลงานศิลปะทุกประเภททำหน้าที่ได้ดี ในแง่เปิดเผย แสดง หรือสะท้อนความเป็นไปของโลกสมมุติ เราเชื่อว่างานวรรณกรรมชั้นดี มีพลังมากพอที่จะเขย่าฟ้าดินให้สั่นสะเทือนได้ เราเชื่อว่างานจิตรกรรมชั้นดี มีแรงผลักให้มนุษย์หนึ่งยอมถอดหัวใจวางให้ได้
![]() |
| เงื่อนไขอื่นๆ |
|
| Tags |






G&E กำมะหยี่&เอิร์นเนส